ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ปัญหาหลักหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่พบได้บ่อยมาก ๆ ซึ่งทำให้คนไข้ขาดความมั่นใจในการยิ้ม เพราะจะเห็นเป็นลำ เป็นเงาชัดเจนบริเวณใต้ตา ซึ่งฟิลเลอร์เป็นก้อนนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิเช่น https://www.youtube.com/embed/LSCnxG--Huo?feature=oembed สาเหตุของฟิลเลอร์เป็นก้อน ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเนื่องจากฟิลเลอร์มีหลายประเภท ทั้งโมเลกุลเล็ก โมเลกุลใหญ่ ซึ่งแต่ละโมเลกุลก็มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน หากเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ จะหนัก ไม่เหมาะกับการฉีดแก้ไขบริเวณใต้ตา เพราะเสี่ยงเป็นก้อนได้สูง ผมจึงนิยมเลือกใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็ก เพราะ ให้ผลลัพธ์ที่สวยกว่า เสี่ยงเป็นก้อนน้อยกว่าครับเทคนิคการฉีดของแพทย์เทคนิคการฉีดของแพทย์มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครับ ตามจริงใต้ตาเป็น Area ที่ไม่ใหญ่มาก แต่ปัญหาคือ ผิวใต้ตามีความบาง ความเสี่ยงเป็นก้อนเลยสูงมาก เพราะ ถ้าฉีดตื้นเกินไปเห็นผล…

ลักษณะทางกายวิภาคของร่องแก้มนั้น มีความแข็งแรงมาก เนื่องจากเป็นจุดที่เชื่อมต่อกัน (Ligament) ของกล้ามเนื้อรอบปาก และกล้ามเนื้อยกมุมปาก 1) ทำไมเราถึงมีร่องแก้ม ? สาเหตุของร่องแก้มนั้นมีหลายอย่าง (ตามอายุที่เพิ่มขึ้น) แบ่งหลักๆได้ดังนี้ครับ1.1. สาเหตุหลักของร่องแก้มคือ มีการหย่อนและสลายตัวของแผ่นไขมันบนใบหน้า (Fat pad) ทั้งชั้นตื้นและชั้นลึก ในส่วนที่อยู่เหนือบริเวณเส้นร่องแก้ม (พบว่าอายุ 28 ปี ไขมันใต้ตาจะหายไปประมาณ 0.8 cc) พอมีการหย่อนตัวลง เราจึงมองเห็นเป็นก้อนๆ เหนือเส้นร่องแก้มครับ1.2. มีการยุบตัวของกระดูกบริเวณปีกจมูกและร่องแก้ม ในส่วนที่อยู่ใต้เส้นร่องแก้ม ทำให้ก้อนที่อยู่เหนือเส้นร่องแก้มยิ่งดูชัดขึ้น1.3.…

ฉีดฟิลเลอร์ยกคิ้วและหางตา ต่างกับโบท็อกซ์ อย่างไร ? สาเหตุของรอยย่นหางตา (รอยตีนกา) เกิดจากการที่ไขมันใต้ผิวหนังบริเวณหางตาและขมับนั้นหายไป ซึ่งเป็นไปตามอายุที่เพิ่มขึ้นครับซึ่งการแก้ไขนั้นมีหลายวิธี แบ่งหลักๆคือผ่าตัด และไม่ผ่าตัด ซึ่งในที่นี้ผมจะพูดถึงแบบไม่ผ่าตัดครับ การรักษาแบบไม่ผ่าตัดนั้น หลักๆคือการใช้โบท็อกซ์ในการลดรอยย่น แต่การฉีดโบท็อกซ์เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เพราะหลักการของโบท็อกซ์คือทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้มไม่ทำงาน มันก็เลยไม่ย่นครับแต่พอไม่ย่นนี่แหละ มันเลยทำให้ตาดูแข็งครับ เพราะยิ้มแล้วตาไม่ยิ้มตาม (ไร้รอย = ไร้อารมณ์) ซึ่งเป็นปัญหาหลักของการรักษาด้วยวิธีนี้ครับ ดังนั้นถ้าพิจารณาจากสาเหตุจริงๆแล้ว การรักษาด้วยฟิลเลอร์น่าจะแก้ได้ตรงจุดกว่า เพราะใช้ฟิลเลอร์ไปแทนที่ไขมันที่ขาดหายไป ซึ่งข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์บริเวณหางตาและขมับคือ1. ช่วยให้หางตาและขมับดูเต็มขึ้น2. ลดริ้วรอยบริเวณหางตา (เป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุจริงๆ)3. ช่วยยกคิ้วและหางตา4.…

คำถามยอดนิยมเช่นกันครับ อันนี้ผมขอพูดในมุมมองของจักษุแพทย์นะครับ เพราะคิดว่าแพทย์สาขาอื่นคงไม่ค่อยได้พบเจอและทำการรักษาคนไข้ในภาวะนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมยังไม่เคยเจอกับตัวเองนะครับ เคยแต่ดูจากคนไข้ที่ได้รับการฉีดมาจากที่อื่น (ซึ่งบางครั้งก็ฉีดกับคนที่ไม่ใช่หมอ) ร่วมกับการรีวิวจากงานวิจัยต่างๆ ใครที่สนใจก็ลองตามไปอ่านได้นะครับ (www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24762584) ภาวะนี้เรียกว่า Central retinal artery occlusion (CRAO) เกิดจากการที่ฟิลเลอร์ หรือไขมันที่ฉีดเข้านั้น ไปอุดตันเส้นเลือดที่เลี้ยงลูกตาครับ ถ้าดูจากรูปจะเห็นว่าขั้วประสาทตานั้นซีด เนื่องจากขาดเลือดมาเลี้ยงครับ ส่วนใหญ่แล้วอาการที่เกิด มักเกิดขึ้นในช่วงประมาณ 5-15 นาทีหลังฉีด โดยอาการที่เกิดขึ้นก็มีต่างๆกันไปครับ มีตั้งแต่น้อยๆคือเห็นเป็นแค่จุดดำๆ หรือถ้าเป็นมากๆ ก็คือมองไม่เห็นไปเลย ซึ่งอาการที่เป็นน้อยๆนี่แหละครับ…

“ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับหมอ ตาไม่บอดแน่ใช่มั้ยคะ”      อีกหนึ่งคำถามยอดนิยม ถามกันทุกคนครับ จริงแล้วๆเรื่องนี้ผมเคยหยิบมาพูดหลายครั้งละครับ ลองอ่านดูนะครับ (goo.gl/dTWSp9) และทุกครั้งที่ผมเจอคำถามนี้ บอกตามตรงว่าผมไม่เคยให้คำตอบอะไรกับคนไข้เลย แต่ผมจะบอกเป็นข้อเท็จจริงแทน แล้วให้คนไข้เป็นคนตอบคำถามเอง เพราะคนตัดสินใจจะทำหรือไม่นั้น คือคนไข้ครับ ไม่ใช่ผม ซึ่งถ้าพูดกันตามข้อเท็จจริงแล้ว ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด มันก็เกิดได้กับหมอทุกคนแหละครับ ไม่ว่าหมอคนนั้นจะเก่งแค่ไหน ถ้าฉีดเข้าเส้นเลือด ตาก็บอดเหมือนกันหมดครับ ความจริงแล้ว หมอที่ทำด้านความงามก็รู้ตำแหน่งกายวิภาคของเส้นเลือดบนใบหน้าดีอยู่แล้ว มีหมอที่เขียนบทความให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่คนไข้ควรจะรู้ก่อนตัดสินใจทำครับ แต่…ตัวปัญหาจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นครับ เพราะใบหน้าของแต่ละคนตำแหน่งเส้นเลือดมันไม่เหมือนกันครับ เส้นเลือดบนใบหน้านั้นมีความแตกต่างกันมากที่สุดในร่างกาย…