“ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับหมอ ตาไม่บอดแน่ใช่มั้ยคะ”
อีกหนึ่งคำถามยอดนิยม ถามกันทุกคนครับ จริงแล้วๆเรื่องนี้ผมเคยหยิบมาพูดหลายครั้งละครับ ลองอ่านดูนะครับ (goo.gl/dTWSp9) และทุกครั้งที่ผมเจอคำถามนี้ บอกตามตรงว่าผมไม่เคยให้คำตอบอะไรกับคนไข้เลย แต่ผมจะบอกเป็นข้อเท็จจริงแทน แล้วให้คนไข้เป็นคนตอบคำถามเอง เพราะคนตัดสินใจจะทำหรือไม่นั้น คือคนไข้ครับ ไม่ใช่ผม
ซึ่งถ้าพูดกันตามข้อเท็จจริงแล้ว ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอด มันก็เกิดได้กับหมอทุกคนแหละครับ ไม่ว่าหมอคนนั้นจะเก่งแค่ไหน ถ้าฉีดเข้าเส้นเลือด ตาก็บอดเหมือนกันหมดครับ
ความจริงแล้ว หมอที่ทำด้านความงามก็รู้ตำแหน่งกายวิภาคของเส้นเลือดบนใบหน้าดีอยู่แล้ว มีหมอที่เขียนบทความให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่คนไข้ควรจะรู้ก่อนตัดสินใจทำครับ
แต่…ตัวปัญหาจริงๆมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นครับ เพราะใบหน้าของแต่ละคนตำแหน่งเส้นเลือดมันไม่เหมือนกันครับ เส้นเลือดบนใบหน้านั้นมีความแตกต่างกันมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งถ้าคนไข้รู้ข้อเท็จจริงในจุดนี้แล้ว ก็จะรู้ว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ หมอคนนั้นมีความรู้เกี่ยวกับเส้นเลือดบนใบหน้ามากแค่ไหน เพราะถือว่าจิ้มเข็มไปตรงไหนก็มีโอกาสโดนเส้นเลือดทั้งนั้น
ปัญหามันจะไปอยู่ตรงที่ว่า “เวลาโดนเส้นเลือดแล้ว จะรู้ได้ยังไง” มากกว่า เพราะถ้าเรารู้แล้วหยุดทัน มันก็จบครับ (ดังนั้น ถ้าหมอที่ฉีดให้ท่านไม่รู้ว่า เวลาฉีดเข้าเส้นเลือดแล้วจะมีอาการยังไง อันนี้ถือว่าอันตรายครับ)
ถามว่าตอนผมฉีดมีโดนเส้นเลือดบ้างมั้ย ผมบอกได้เต็มปากเลยว่ามีครับ แต่เวลาที่โดนเส้นเลือดแล้ว ผมหยุดทันไงครับ ก็เลยไม่เกิดปัญหา ซึ่งอันนี้มันก็ขึ้นกับประสบการณ์ของหมอแต่ละคนครับ
ซึ่งประสบการณ์ของหมอที่ฉีดนี่แหละครับ คือสิ่งสำคัญในการที่คุณจะเลือกหมอมาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้คุณ เพราะจุดนี้เป็นจุดที่อันตราย มีเส้นเลือดเยอะมาก ถ้าพลาดโอกาสตาบอดสูงครับ ไม่ใช่แค่เนื้อตายเหมือนจุดอื่นบนใบหน้า
ผมบอกตามตรงนะครับ ส่วนใหญ่เวลาที่ไปฟังประชุม มักจะเป็นการแสดงเทคนิคการฉีดแบบใหม่ๆที่หมอท่านนั้นคิดค้นได้ ฉีดแบบนี้แล้วสวยนะ ฉีดแบบนี้แล้วดีนะ แต่ไม่ค่อยมีใครมาพูดหรอกครับ ว่าฉีดอย่างไรให้ปลอดภัย ซึ่งบางเทคนิคที่เอามาแสดงนั้น ผมเห็นแล้วยังตกใจด้วยซ้ำ ว่ากล้าฉีดได้ยังไง จุดรอบตาบางจุดอันตรายมาก ผมเป็นหมอตายังไม่กล้าไปแตะเลย แต่อันนี้มันก็ขึ้นกับความเชี่ยวชาญของหมอแต่ละคน ผมไม่ออกความเห็นครับ
แต่สำหรับผมแล้ว เรื่องความสวยงามนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของปลอดภัยเสมอครับ ความปลอดภัยต้องมาก่อน (ส่วนเรื่องความสวยงาม ต้องลองดูผลงานเอาเองครับ goo.gl/OSKCde) ผมฉีดใต้ตาใช้เข็มปลายทู่เท่านั้น ตรวจตาอย่างละเอียดก่อนและหลังทำทุกเคส เคสไหนที่มีความเสี่ยงมากผมก็ไม่ทำครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากบอกข้อเท็จจริงอีกข้อนึงครับ ถึงแม้ว่าโอกาสเกิดจะน้อยก็ตาม คือถ้าตาคุณมัวลงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ทันที (ภายใน 10 นาทีหลังฉีด) อยากให้ท่านนึกถึงจุดนี้ด้วยว่า “หมอที่ฉีดให้ท่านนั้น สามารถแก้ไขปัญหาให้ท่าน ได้หรือไม่”
ภาวะ CRAO เป็นภาวะที่วินิจฉัยยาก ถ้าไม่มีเครื่องมือตรวจตา ยังไงก็วินิจฉัยไม่ได้ครับ และที่ยากกว่านั้นคือการรักษา เพราะถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางตา ต้องรักษาภายใน 90 นาที และเครื่องมือรักษาต้องพร้อมด้วยครับ
ถึงจุดนี้ คนไข้คงจะได้คำตอบของคำถามด้านบนแล้วนะครับ
ขอบพระคุณครับ
นพ.ลัทธพล ม้าลายทอง (หมอเฟิสท์)
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและแก้ไขสายตา
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา และราคา
สอบถามข้อมูล และปรึกษาแพทย์ @firstclinic
Tel (เจ้าหน้าที่รับนัด) : 0944-0944-49
LINE ID : @firstclinic